รัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนปลื้มระบบประกันสุขภาพประเทศไทย
ปิดฉากไปอย่างสวยหรู สำหรับการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน ครั้งที่ 11 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ที่โรงแรมโมเวนพิค จ.ภูเก็ต
โดยมีรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนเข้าร่วมระดมสมอง 10 ประเทศ ได้แก่ ประเทศบรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม ลาว พม่า กัมพูชาและไทย ขณะเดียวกันก็มีมิตรประเทศทั้ง เกาหลี ญี่ปุ่น และจีน ให้ความสนใจและส่งรัฐมนตรีสาธารณสุขมาเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ด้วย
ตลอดระยะเวลา 5 วันของการประชุม ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 2-6 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมหยิบยกประเด็นหลักๆ 3 เรื่องใหญ่ เข้าสู่การระดมสมองร่วมกัน ได้แก่ 1.โรคไม่ติดต่อ อาทิ โรค เบาหวาน โรคความดันโลหิต โรคหัวใจ ฯลฯ เพื่อจัดให้มีมาตรการเพิ่มในเรื่องการเข้าถึงบริการ โดยเฉพาะการป้องกัน เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการรักษาโดยเร็วที่สุดและเพื่อลดความรุนแรงของโรค 2.การควบคุมบุหรี่ โดยเฉพาะมาตรการเรื่องภาษี เรื่องข้อตกลงการค้าเสรี เรื่องซีเอสอาร์ (CSR : Corporate Social Responsibility) หรือการรับผิดชอบต่อสังคม และการควบคุมบุหรี่เถื่อน 3.การควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด ปัญหาสุขภาพจิต อุบัติเหตุทางถนน ตลอดจนความรุนแรงในสังคมและครอบครัว
และนำมาสู่ข้อสรุปด้วยการลงนามบันทึกข้อตกลง หรือเอ็มโอยู ทางด้านสาธารณสุข ร่วมกันของ 10 ประเทศอาเซียน ใน 7 สาขาด้วยกัน คือ 1.การป้องกันและควบคุมโรคติดต่อเพื่อรองรับการเปิดการค้าเสรี 2.กลไกเพื่อตอบสนองต่อภาวะ ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขและศักยภาพในการดูแลสุขภาพในภาวะภัยพิบัติ 3.การป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อ 4.ระบบการเฝ้าระวังความปลอดภัยของอาหารและระบบการเตือนภัยฉุกเฉิน 5.การพัฒนากำลังคนทางด้านสุขภาพ 6.การพัฒนาด้านการแพทย์พื้นบ้าน และ 7.การพัฒนามาตรฐานยาและวัคซีน
ขณะเดียวกันในการประชุมครั้งนี้แต่ละประเทศยังได้นำเสนอหลากหลายประเด็นที่เป็นปัญหาสุขภาพที่คุกคามประชาชน ตลอดจนมาตรการในการป้องกัน รวมถึงการดูแลรักษาอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมด้วย
นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า สำหรับประเทศไทยได้นำประเด็นหลักประกันสุขภาพเข้าหารือในที่ประชุม ซึ่งประเด็นของหลักประกันสุขภาพของไทยถือว่าได้รับการสนใจและเป็นที่ยอมรับมากถึงขนาดส่งผลให้ 3 ประเทศที่เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ แสดงความจำนงที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับประเทศไทย ได้แก่ เวียดนาม ลาว และฟิลิปปินส์ และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการประสานและนำเสนอผลการดำเนินงานในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ที่บ่งบอกว่าเราประสบผลสำเร็จและมีแนวโน้มดีขึ้นตลอดจนจะเสนอให้ผลักดันระบบหลักประกันสุขภาพเข้าบรรจุเป็นวาระการประชุมของสหประชาชาติด้วย
“ในการประชุมครั้งนี้ เรายังชูในเรื่องของ นโยบายลดความเหลื่อมล้ำ 3 กองทุนสุขภาพของไทย ให้กลุ่มอาเซียนรับทราบ โดยเฉพาะนโยบายบริการผู้ป่วยฉุกเฉินไม่ถามสิทธิ ไม่มีเงื่อนไข ทั้ง 3 กองทุนสุขภาพ คือ1.กองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 2.กองทุนประกันสังคม และ 3.กองทุนสิทธิสวัสดิการข้าราชการ ซึ่งที่ประชุมยังได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทั้งเรื่องของกลไกการสนับสนุนการสร้างระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพและการพัฒนาศักยภาพ วิธีการบริหารจัดการทางการเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายรายหัว เพื่อให้ครอบคลุมประชาชนทั้งหมด การสร้างความเท่าเทียมกันในการให้บริการสุขภาพทั่วถึงและการจัดการโรคต่างๆ” นายวิทยา กล่าว
ขณะเดียว กัน นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวสนับสนุนว่า อีกจุดแข็งของไทยที่ต่างชาติให้ความสนใจ คือ เรื่องการควบคุมโรคระบาด โดยมีการฝึกนักระบาดวิทยาที่ทำในลักษณะเครือข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่ในเรื่องระบบประกันสุขภาพนั้นนับว่าไทยเป็นประเทศเดียวในกลุ่มอาเซียนที่ทำเรื่องหลัก ประกันสุขภาพโดยรัฐได้สำเร็จ
ทีมข่าวสาธารณสุข มองว่า การที่ระบบหลักประกันสุขภาพของไทยได้รับความสนใจและมีถึง 3 ประเทศ ประเทศในกลุ่มอาเซียนเชื่อมั่นขนาดที่จะนำไปเป็นต้นแบบ เท่ากับเป็นการประกาศศักยภาพในการบริหารจัดการเพื่อที่ให้ประชาชนในประเทศทุกระดับเข้าถึงการดูแลสุขภาพได้อย่างเท่าเทียม
แต่ที่คงต้องขอฝากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องระบบประกันสุขภาพ คือ การต้องยอมรับความจริงว่าเราเองก็ยังคงมีจุดอ่อนในเรื่องของระบบหลักประกันสุขภาพของไทยที่ยังต้องแก้ไข เช่น ความเท่าเทียมกันในเรื่องมาตรฐานการดูแลรักษา ที่มักจะมีข้อร้องเรียนเข้ามายังกระทรวงสาธารณสุขเสมอว่า ยาที่จ่ายให้กับผู้ป่วยในแต่ละสิทธิมีคุณภาพที่แตกต่างกัน
หรือแม้กระทั่งนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินเข้ารักษาได้ทุกโรงพยาบาลฟรี โดยไม่ถามสิทธิ ก็ยังคงเกิดปัญหาในโรงพยาบาลเอกชนบางแห่งที่ขอเรียกเก็บเงินค่ารักษาพยาบาลก่อนให้การรักษาอยู่เสมอ
ปัญหาเหล่านี้เปรียบเหมือน “จุดบอด” ภายใต้นโยบายที่สวยหรูและหากกระทรวงสาธารณสุขยังไม่สามารถจัดการปัญหาเหล่านี้ได้ ประเทศไทยจะประกาศต่อเวทีนานาชาติว่าเป็นต้นแบบการประกันสุขภาพอย่างเต็มภาคภูมิได้อย่างไร.
ทีมข่าวสาธารณสุข
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น