กรมป่าไม้เซ็ง 43 คดีวังน้ำเขียวรุกป่าเขาแผงม้าไม่คืบหน้า ขณะที่ผู้บุกรุกยังใช้ประโยชน์ในพื้นที่ที่ถูกจับกุม แถมส่อเค้าล้มเนื่องจากต้นสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซื้อเวลาให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาให้ความเป็นธรรม ด้านกรมอุทยานฯ ไม่หยุดแจ้งความผู้มีอิทธิพลรุกเขาใหญ่เพิ่มแล้ว...
เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ที่กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสุวิทย์ รัตนมณี อธิบดีกรมป่าไม้แถลงความคืบหน้าการดำเนินการกับผู้บุกรุกพื้นที่ป่า ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง (เขาแผงม้า) อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ว่า หลังจากกรมป่าไม้มีการจัดตั้งชุดเฉพาะกิจป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลาย ป่าในเขตพื้นที่ จ.นครราชสีมา และพื้นที่ต่อเนื่อง มีนายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน ผู้ตรวจกรมป่าไม้ เป็นประธานและได้มีการดำเนินการตรวจยึดการบุกรุกพื้นที่โดยมิชอบแล้ว 43 คดี ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของพนักงานสอบสวน ส่วนการดำเนินการตามมาตรา 25 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 เพื่อให้มีการรื้อถอนบ้านพักและรีสอร์ตที่บุกรุกพื้นที่นั้น ขณะนี้เรื่องค้างอยู่ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งยังไม่ได้ลงนามตามมาตรา 25 กรมป่าไม้จึงยังไม่สามารถเข้าไปดำเนินการใดๆ ได้ และที่น่าเป็นห่วงคือขณะนี้พื้นที่ที่ถูกจับกุมแล้ว ยังมีการเข้าไปทำประโยชน์อยู่ เราไปแจ้งว่าให้หยุดทำ เขาก็ยังทำต่อไปเรื่องนี้จึงขึ้นอยู่กับผู้ว่าฯ ว่าจะดำเนินการอย่างไร
นายสุวิทย์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังมีข้อเสนอแนะตามที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอเรื่องการแก้ปัญหาการบุกรุกพื้นที่วังน้ำเขียวมายังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ โดยกระทรวงได้ตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าวังน้ำเขียว และอุทยานแห่งชาติทับลานตามความเห็นและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินขึ้นมาอีกชุด มีนางมิ่งขวัญ วิชายารังสฤษดิ์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เป็นประธานคณะทำงานฯ เพื่อให้ความเป็นธรรมในกรณีปัญหาที่ดินวังน้ำเขียว โดยอำนาจหน้าที่ของคณะทำงานดังกล่าวคือตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ตามรายงานข้อเท็จจริง ความเห็น และข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน แห่งชาติฯ ป่าวังน้ำเขียว และอุทยานฯ ทับลาน เสนอแนวทางปฏิบัติต่อปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการติดตาม เป็นต้น
อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่เป็นผลพลอยได้จากการดำเนินการกรณีวังน้ำเขียวคือ สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ไม่สามารถนำพื้นที่ป่าสงวนโซนอนุรักษ์ หรือโซนซีไปออกเป็น ส.ป.ก. 4-01 ใหม่ได้อีก เพราะเป็นข้อตกลงของกรมป่าไม้ และส.ป.ก. ว่าพื้นที่ใดที่ยังไม่ได้ถูกนำไปจัดสรรก็ยังถือว่าเป็นพื้นที่ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ ทำให้ ส.ป.ก.ต้องชะลอการจัดสรรที่ดินไปก่อน ซึ่งในกรณีวังน้ำเขียวมีการออก ส.ป.ก.ทับซ้อนพื้นที่ป่าสงวนโซนซี 5 แปลงและตนได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่แจ้งความกับ ส.ป.ก.แล้ว
ด้านนายวิฑูรย์ กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับคดีการบุกรุกออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบจำนวน 22 แปลง เนื้อที่กว่า 250 ไร่ บริเวณน้ำตกธารทิพย์ อุทยานฯ เขาใหญ่ อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นของนักการเมืองชื่อดังในพื้นที่เข้าเป็นคดีพิเศษ ว่า ที่ผ่านมากรมป่าไม้ได้รับเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งมีการก่อสร้างรีสอร์ตกึ่งสถานปฏิบัติธรรม และค่ายอบรมลูกเสือ ในพื้นที่ ต.บุฝ้าย อ.ประจันตคาม ว่ามีการบุกรุกพื้นที่โดยกลุ่มบุคคลเดียวกัน ซึ่งกรมป่าไม้ได้ตรวจสอบตรวจสอบโฉนดที่ดินเพิ่มเติมอีก 10 แปลง เนื้อที่ 464 ไร่ และโฉนดที่ดิน 8 แปลง เนื้อที่ 48 ไร่ จากการแปลภาพถ่ายทางอากาศพบว่ามีพื้นที่คาบเกี่ยวอุทยานฯ เขาใหญ่อีกกว่า 250 ไร่ ซึ่งได้ส่งเรื่องไปที่กรมอุทยานฯ แล้ว
ขณะที่นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า ได้รับรายงานจากนายอนันต์ โตวิริยะเวช ผอ.สำนักบริหารพี้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) และนายกฤษฎา หอมสุด หัวหน้าอุทยานฯ เขาใหญ่ ว่าได้แจ้งความจับกุมดำเนินคดีการบุกรุกอุทยานฯ เขาใหญ่ในท้องที่ ต.บุฝ้าย อ.ประจันตคาม เพิ่มเติมบางส่วนแล้ว หากพบว่าเป็นการบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ ก็จะดำเนินตามกฎหมายโดยไม่สนใจว่าใครเป็นเจ้าของ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น