'นีรชา ชนากรณ์' หรือน้องอ๋อมแอ๋ม สาวชั้นปีที่ 3 สาขาเทคโนโลยีการโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียง คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี วีเจสาวรายการเชคเกอร์ สกรีน แห่งสยามสแควร์ เล่ากับ 'สวัสดีแคมปัส' ถึงวัยเด็กของตัวเอง ซึ่งชอบร้อง เล่น เต้น รำ มาตั้งแต่ช่วงประถม พอขึ้นมัธยม โรงเรียนธัญบุรีก็โดนจับไปประกวดสุนทรพจน์เพราะครูเห็นว่าพูดเก่งจนมีแวว จนกวาดรางวัลการประกวดมาหลายรางวัล รวมถึงการได้รับคัดเลือกเป็นประธานนักเรียน และตัวแทนร้องนำเพลงชาติ และพิธีกรงานต่างๆ ในโรงเรียนอีกด้วย
ส่วนการร้องเพลงก็ไม่ธรรมดา จากการเป็นนักร้องหญิงในวงดนตรีระดับโรงเรียน เธอถูกชักชวนจากมหาวิทยาลัยให้ไปช่วยร้องเพลงในงานต่างๆ ตั้งแต่ตอน ม.4 และได้รับเล่นภาพยนตร์สั้น โปรเจกต์จบของพี่ๆ ในรั้วมหาวิทยาลัยหลายเรื่อง จนกระทั่งตนเองต้องเดินเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยบ้าง จึงไม่ลังเลที่จะเลือกเรียนด้านสื่อสารมวลชน
น้องอ๋อมแอ๋ม บอกว่า การเข้ามาเรียนทางด้านนี้ปรับตัวง่ายมาก เป็นเพราะมันตรงสายกับสิ่งที่เราชอบ และต้องการอยากรู้ จึงทำให้เราเข้าใจง่ายทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ซึ่งตอนนี้เกรดเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 3.50 ส่วน ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ก็เป็นมหาวิทยาลัยที่ให้อิสระกับนักศึกษาทุกคนได้เลือกทำกิจกรรมต่างๆ ภายในขอบเขต อย่างตอนนี้ก็มีกิจกรรมรับน้อง เราก็ทำหน้าที่เป็นพี่ที่คอยแนะนำน้องที่เป็นดาวและเดือนของสาขา/คณะ เพื่อประกวดระดับมหาวิทยาลัย โดยตอนที่เราเป็นปี 1 ก็ได้รับตำแหน่งทั้งดาวประจำสาขา และทูตกิจกรรมประจำคณะ และปีนี้ก็ได้รับโอกาสขึ้นร้องเพลงบนเวทีในงานเฟรชชี่อีกด้วย
"กิจกรรมเป็นสิ่งที่สำคัญในรัั้วมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะการเรียนคณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน นอกจากการทำให้เราได้รู้จักเพื่อนและรุ่นพี่แล้ว คณะนี้จะต้องมีการทำงานร่วมกันในคณะ ช่วยเหลือกันและกันระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง ซึ่งจะเรียนตัวคนเดียวไม่ได้"
สำหรับกิจกรรมนอกรั้วมหาวิทยาลัยของน้องอ๋อมแอ๋มตอนนี้ นอกจากการหาเวทีอบรมเพื่อเสริมบุคลิกภาพ และลองเข้าประกวดเวทีต่างๆ ซึ่งล่าสุดคือการเข้ารอบ 40 คนสุดท้าย จากผู้เข้าประกวดกว่า 1,000 คน ในเวที 'Oishi MC search gen 2' เธอยังทำหน้าที่เป็นวีเจ รายการเชคเกอร์ สกรีน ที่สยามสแควร์ รายการเกี่ยวกับแวดวงบันเทิง ทั้งเพลง ภาพยนตร์ และกิจกรรมที่น่าสนใจต่างๆ ของวัยรุ่น โดยเลือกคิวที่ไม่ตรงกับเวลาเรียน โดยเฉพาะช่วงเสาร์-อาทิตย์
นอกจากนี้ น้องอ๋อมแอ๋มยังเป็นนักร้องนำในวงดนตรี รับเล่นตามร้านอาหารต่างๆ บริเวณมหาวิทยาลัย โดยเธอจะเลือกรับงานเฉพาะบางช่วง อย่างช่วงเปิดเทอมนี้ เป็นช่วงมีกิจกรรมรับน้องและต้องเรียนทฤษฎีในห้องเรียนนั้น เธอก็จะไม่รับงาน เพราะเกรงว่าจะไม่เต็มที่กับกิจกรรมและการเรียน อีกทั้งยังเคยเป็นคอรัส แดนเซอร์ 2 คน ในรายการชิงร้อยชิงล้าน โดยน้องอ๋อมแอ๋ม บอกว่า เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก นอกจากเป็นรายการที่ชื่นชอบอยู่แล้ว และไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เข้าไปทำ ยังทำให้รู้หลักการทำงาน เบื้องหลังการทำงานที่กว่าจะออกมาเป็นรายการเผยแพร่ทางโทรทัศน์ ถือว่าเป็นความรู้และประการณ์ที่ดี ซึ่งตรงกับด้านที่เรียนอยู่ด้วย ส่วนเงินที่ได้จากการทำงานเป็นผลพลอยได้ ที่ทำให้เราไม่ต้องขอเงินพ่อแม่ในเรื่องจุกจิก หากเราอยากได้อะไรก็เก็บเงินซื้อเอง แต่เอาเข้าจริงพอมาทำงานแล้ว กลับไม่กล้าใช้เงินที่หามาได้ เหมือนทำให้เรารู้คุณค่าของเงินได้เร็วขึ้น
"การทำกิจกรรมต่างๆ ระหว่างเรียน บางทีก็อาจทำให้เราต้องเสียโอกาสทางการเรียนไปบ้าง แต่ทุกครั้งจะเปรียบเทียบโดยช่างน้ำหนัก หากงานที่เข้ามานั้นจะเป็นประสบการณ์ที่ดี และไม่ได้เข้ามาบ่อยๆ ทั้งยังช่วยเสริมทักษะด้านที่เราเรียนมา ก็สมควรที่จะลองทำดู"
น้องอ๋อมแอ๋ม บอกว่า ที่เธอทำงานได้หลายๆ อย่าง รวมถึงการเป็นนักแสดงให้กับรุ่นพี่และเพื่อนๆ ในภาพยนตร์สั้น โดยเฉพาะการรับบทนางร้ายแทบจะทุกครั้ง ซึ่งอาจจะมาจากหน้าตา ที่ใครๆ ก็บอกว่าดูดุและสมกับบทบาทนั้น เป็นเพราะการฝึกฝนด้วยตนเองทุกอย่าง ทั้งการร้องเพลง ที่อาศัยฟังมากๆ แล้วฝึกร้องทุกวัน การเป็นพิธีกร วีเจ และการแสดง ก็จะฝึกด้วยตนเองหน้ากระจก อัดเสียงพูดเก็บไว้แล้วมานั่งฟังว่ามีข้อบกพร่องอะไร และแก้ไขข้อบกพร่องนั้น รวมถึงการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างๆ จากกิจกรรมและงานที่เคยได้ทำ
"อดีตแก้ไขไม่ได้ ปัจจุบันทำดีไว้ อนาคตไม่แน่นอน" น้องอ๋อมแอ๋ม บอกถึงคติประจำใจที่เธอใช้ในการเรียนและการทำงาน ก่อนจะบอกถึงความฝันในอนาคตว่า อยากมีเพลงเป็นของตัวเองสักเพลง เผยแพร่สู่สาธารณะ และอยากเป็นพิธีกรถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ด้วยการพูดเพื่อให้ผู้ฟัง-ผู้ชมมีความสุข เพราะความสุขของเธอนั้นคือการสร้างรอยยิ้มให้คนรอบข้าง ถึงแม้ว่าไม่มีโอกาส แต่ก็ขอทำงานศาสตร์ทางด้านนี้ต่อไป อาจเป็นเบื้องหลัง เขียนสคริปต์ เขียนบท ตัดต่อ เพราะตัวเองก็เรียนมาทางด้านนี้โดยตรงอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ขอทำหน้าที่ของตัวเองตอนนี้ให้ดีที่สุดไว้ก่อน
ท้ายสุด น้องอ๋อมแอ๋ม ฝากถึงน้องๆ ที่อยากเรียนหรือสนใจด้านสื่อสารมวลชนว่า ต้องรู้จักตัวเองให้ดีๆ ก่อนว่าชอบจริงหรือไม่ ถ้าชอบคณะนี้แล้ว ชอบด้านใดเป็นพิเศษ อยากทำอาชีพอะไร ถ้ามั่นใจแล้วก็เดินหน้าไปตามเส้นทางนั้น ต้องฝึกฝน ศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ หาโอกาสทำงานสร้างประสบการณ์อยู่เสมอ แล้วอนาคตที่ก็จะมาหาเราเอง.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น