ศน.ทูลเกล้าฯ ถวายเสาเสมาธรรมจักรทองคำ "สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ" พระนาม "มหาวชิราลงกรณอุบาสกรัตน" ในฐานะผู้ทรงคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา รมว.วัฒนธรรม เผยใช้ทองคำรวม 61 บาท ประดับเพชรและพลอย พร้อมจัดเจริญพระพุทธมนต์นพเคราะห์ เฉลิมพระเกียรติ 27 ก.ค. เวลา 09.09 น. พร้อมกันทั่วประเทศ...
เมื่อวันที่ 9 ก.ค. นางสุกุมล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา ในวันที่ 28 ก.ค. 2555 วธ. โดยกรมการศาสนา (ศน.) ได้จัดสร้างเสาเสมาธรรมจักรทองคำ พระนาม “มหาวชิราลงกรณอุบาสกรัตน” อันเป็นสัญลักษณ์ของผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในฐานะที่ทรงเป็นองค์ศาสนูปถัมภก ด้านพระพุทธศาสนา และทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในด้านการส่งเสริมพระศาสนาของไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยเสาเสมาธรรมจักรทองคำที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ นี้ จะใช้ทองคำทั้งหมด 61 บาท มีขนาดความสูง 36 เซนติเมตร ด้านบนเป็นธรรมจักรประดับด้วยเพชรและพลอยสีชมพู มีความหนา 1.5 เซนติเมตร หัวเสาลงยา ส่วนกลางของเสาเสมาฯ ประดับด้วยลวดลายพระปรมาภิไธยย่อ ม.ว.ก.
รมว.วัฒนธรรม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กรมการศาสนายังได้จัดทำโครงการเจริญพระพุทธมนต์นพเคราะห์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในวันที่ 27 ก.ค. 2555 โดยในส่วนกลางจัดขึ้นที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร และวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร และในส่วนภูมิภาคจะมีการจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ตามวัดต่างๆ จังหวัดละ 1 แห่ง ในเวลา 09.09 น. โดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ
“การสวดนพเคราะห์ เป็นความเชื่อตั้งแต่สมัยโบราณที่ยึดถือปฏิบัติมาตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เชื่อกันว่า เทวดา หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน จะช่วยดลบันดาลให้ผู้ที่คิดร้ายต่อประเทศชาติ หรือสถาบัน พ่ายแพ้พินาศไป รวมทั้งปกป้องภัยพิบัติและกำจัดภัยอันตรายทั้งปวง ให้มีแต่ความสุขความเจริญรุ่งเรือง เป็นสิริมงคล ที่สำคัญจะดลบันดาลให้ความร้ายกลับมาเป็นความดี” นางสุกุมล กล่าว
นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า ในโอกาสมหามงคล สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา กรมการศาสนาได้พิจารณาเห็นว่า พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีของพสกนิกร ในด้านการพระศาสนา โดยทรงแสดงพระองค์เป็นพุทธมามกะ ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2509 ก่อนเสด็จพระราชดำเนินไปศึกษาที่ประเทศอังกฤษ และมีพระราชศรัทธาทรงออกผนวชในพระบวรพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2521 ระหว่างทรงผนวช ทรงศึกษา และปฏิบัติพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด นอกจากนั้น ยังได้เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจทางศาสนาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเสด็จฯ ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และถวายกฐินหลวงตามอารามต่างๆ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาและทรงประเคนสัญญาบัตร พัดยศ แด่พระสงฆ์ ที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ใหม่ อีกทั้งยังทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันเป็นคุณูปการอันยิ่งใหญ่ต่อพระพุทธศาสนาอย่างอเนกอนันต์ ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน ปรากฏให้เห็นเป็นประจักษ์แก่พระพุทธศาสนิกชนทั่วไป.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น